C-raitng ของแบตเตอรี่ คืออะไร?

      C-raitng เป็นอัตราของกระแสและระยะเวลา ที่แบตเตอรี่ประจุและคายประจุ ซึ่งผู้ผลิตจะกำหนดไว้ ดังนั้นผู้ใช้จะต้องปฏิบัติตามเพื่อให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนด เช่น 1C คือการคายประจุหนึ่งชั่วโมง  ถ้า 0.5C หรือ C/2 คือการคายประจุสองชั่วโมง ดังตาราง นอกจากนั้นยังบอกถึงกระแสไฟฟ้าที่คายประจุ เช่น แบตเตอรี่ขนาด 10Ah (2C) หมายถึง กระแสไฟฟ้าที่คายประจุได้เท่ากับ 10 x 2 = 20 A ในเวลา 30 นาที

      โดยทั่วไปผู้ผลิตมักกำหนดค่า C-rate ต่ำๆ เพื่อให้อายุการใช้งานนานและแบตเตอรี่ไม่ร้อนมาก ดังนั้นผู้ใช้แบตเตอรี่ควรตรวจสอบก่อนใช้งานโดยทั่วไปค่า C-rating แบ่งเป็น 3 แบบ ดังนี้
- Max Charge C-rating คือค่า C-rating สูงสุดที่แบตเตอรี่ทนได้
- Constant Discharge C-rating คือค่า C-rating ขณะที่จ่ายกระแสไฟฟ้าคงที่ ซึ่งโดยทั่วไปจะ    กำหนดค่านี้
- Burst Discharge C-rating คือค่า C-rating ในกรณีที่มีการคายประจุสูงสุดในระยะเวลาสั้น 

ตัวอย่างการคำนวณ
   1. กระแสไฟฟ้าที่คายประจุ
      กระแสไฟที่คายประจุ (A) =   อัตรา C  x พิกัดความจุของแบตเตอรี่(Ah)
      ตัวอย่าง แบตเตอรี่ขนาด 4.8Ah (2C)

                กระแสไฟฟ้าที่คายประจุ = 2 x  4.8  =  9.6 A
      หมายความว่า แบตเตอรี่สามารถคายประจุสูงสุดที่ 9.6 A ใช้เวลาสูงสุด 30 นาที

   2. ระยะเวลาที่คายประจุในขณะใช้งานจริง
      ชั่วโมงที่คายประจุ (h) = พิกัดความจุของแบตเตอรี่ (Ah) / กระแสไฟฟ้าที่ใช้ (A)
      ตัวอย่าง แบตเตอรี่ขนาด 4.8Ah (2C) ใช้งานจริงคายประจุที่ 6 A

          ชั่วโมงที่คายประจุ (h) = 4.8 /  6  = 0.8  ชั่วโมง = 48 นาที 

      จากกราฟพบว่าอัตราการคายประจุที่สูงหรือเร็วมากจะส่งผลให้พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากการคายประจุลดต่ำลงหรือได้ไฟฟ้ามาใช้น้อยลงนั่นเอง เช่น ที่ 3C จะได้อัตรา Discharge ประมาณ 85% ของความจุแบตเตอรี่ แต่ที่ 0.2C จะได้อัตรา Discharge ประมาณ 100% ของความจุแบตเตอรี่ ดังนั้นผู้ใช้ควรใช้งานแบตเตอรี่ให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ประโยชน์จากพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ได้อย่างเต็มพิกัด